วิตามิน B

Share Tweet

วิตามิน B

วิตามินB1 จำเป็นสำหรับการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรท อาการที่แสดงว่าขาดได้แก่ ชาตามปลายมือปลายเท้า ตากระตุก แขนขาอ่อนแรง ความจำเสื่อม ซึมเศร้าไม่ทราบสาเหตุ กระสับกระส่าย หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น อาจพบว่าหัวใจมีขนาดโตขึ้น
อาการเป็นพิษ โชคดีที่ละลายในน้ำได้จึงไม่พบว่ามีอาการพิษที่เกิดจากการสะสมในปริมาณที่มีมากเกินไป
B2 มีความจำเป็นต่อกระบวนการเจริญเติบโตของเซล อาการที่แสดงว่าขาด ได้แก่ อาการปากเปื่อย หรือ ที่เรียกว่าปากนกกระจอก ใบหน้ามีสะเก็ดมันๆ ตาสู้แสงไม่ได้ มีอาการคันและเเสบตา อาการเป็นพิษ สามารถถูกขับออกได้ทางปัสสาวะ ไม่เกิดโทษจากการสะสมมากในร่างกาย แต่รับประทานมากเกินไปก็ไม่เกิดประโยชน์ เปลืองตังค์ค่ะ
B6 ช่วยในกระบวนการเผาผลาญอาหารประเภทคาร์โปไฮเดรท โปรตีนและไขมัน อาการที่แสดงว่าขาดได้แก่ ในเด็กอาจเกิดอาการชักและโลหิตจางได้ สำหรับผู้ใหญ่จะพบผิวหนังเป็นจ้ำสีม่วง ปากเป็นเเผล และมีอาการผิดปกติทางระบบประสาท เช่น ซึมเศร้า ความคิดสับสน และอาจเกิดอาการชักได้
อาการเป็นพิษ ปวดศรีษะ คลื่นไส้ ชา และ ง่วงนอน
B12 จำเป็นสำหรับการสร้างเม็ดโลหิต อาการเป็นพิษบริโภคมากเกินไปไม่ได้บอกไว้ค่ะ
ถ้าเรารับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และรับประทานอาหารที่มีวิตามินบีรวมอยู่ด้วย เราก็ไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานวิตามินรวมค่ะ ยกเว้นเกิดอาการขาดวิตามินบี อย่างรุนแรง ก็รับประทานตามเเพทย์สั่ง
B1 เเหล่งอาหารที่ได้รับ ธัญพืช ผัก และเนื้อสัตว์ ความต้องการต่อวัน 1.5 มก
B2 นม ผลิตภัณฑ์จากนม ตับ ปลา เป็ด ไก่ ความต้องการ ไม่เกิน 1.5 มกต่อวัน
B6 ธัญพืช ยีตส์ เนื้อสัตว์ ตับ เป็ด ไก่ ปลา ความต้องการ 1.5 มก ต่อวัน
B12 นม ผลิตภัณฑ์จากนม เนื้อสัตว์ ไข่ ความต้องการ 3 มกต่อวัน
นอกจากนี้ยังมี
-ไนอะซีน จำเป็นสำหรับการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรท พบมากในเนื้อสัตว์ ตับ ปลาทะเล ยีสต์ ธัญพืช ความต้องการต่อวัน ไม่เกิน 1.8 มก
-กรดโฟลิค จำเป็นสำหรับการสร้างเม็ดโลหิต พบมากในผักใบเขียว เนื้อสัตว์ ไก่ ปลา เป็ด ความต้องการ ไม่เกิน 400 มกต่อวัน
-ไบโอดีน สำหรับการสร้างผิวหนังและเส้นเลือดให้เเข็งแรง พบมากใน ผักใบเขียวทุกชนิด ยีสต์ เนื้อสัตว์ เป็ด ไก ปลา อาหารทะเล ความต้องการต่อวัน ไม่ทราบแน่นอน
-กรดเเพนโทธีนิค สำหรับช่วยเร่งในการสร้างพลังงานให้แก่ร่างกาย พบมากใน ไข่แดง ผักสด เนื้อสัตว์ เมล็ดเปลือกเเข็ง และร่างกายสร้างเองโดยเเบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ ความต้องการต่อวันไม่ทราบแน่นอน

ที่มา:

สำนักการเเพทย์ กรุงเทพมหานคร
โภชนบำบัด หนังสือสารยูไนเต็ด ปีที่17 ฉบับที่ 135 กรกฎาคม 2537