![]()
.............นอนเท่าไร่ ... ทำไมไม่รู้จักพอ ..........
|
คนบางคนนั่งที่ไหนก็ง่วงหลับที่นั่น ทั้งๆ ที่ไม่ได้ อดหลับ อดนอนมา หลับแล้วตื่นขึ้นมาก็ยังรู้สึกว่านอนไม่พอ ยังอยากจะหลับต่อ
คนที่มีลักษณะเช่นนี้มักไม่ค่อยจะสดชื่น มีแต่ความรู้สึกอยากจะนอนทั้งวัน แต่มักจะตื่นง่าย หลังจากตื่นก็ขอนอนหลับต่อ ทางการแพทย์แผนปัจจุบันถือว่าเป็นความผิดปกติของระบบประสาท (การไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ) ลักษณะแบบนี้ อาจพบได้ในคนที่เจ็บไข้ได้ป่วย ตัวร้อนเรื้อรัง ทำให้อ่อนเพลีย ต้องการพักผ่อน หรือระยะที่โรคกำลังรุนแรง ในที่นี้จะกล่าวถึงคนปกติที่ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ แต่ชอบง่วงเหงาหาวนอนเป็นประจำ แพทย์แผนจีนมองว่า การนอนหลับเป็นภาวะหยิน การตื่นนอนเป็นภาวะหยาง คนที่ง่วงนอน แสดงว่าหยินแกร่ง (หยินเกิน) เพราะภาวะของหยางพร่อง (หยางขาด) ภาวะของหยางพร่อง มาจากการทำงานของม้ามน้อยลง ทำให้มีการอุดกั้นของเสมหะ และความชื้น หรือภาวะอุดกั้นของเสมหะ และ ความชื้นทำให้พลังม้ามพร่อง
มักจะพบในคนอ้วนได้บ่อยกว่าคนผอมเพราะในคนอ้วนถือว่ามีการสะสมไขมัน (เสมหะหรือความชื้น) ในร่างกายมาก ยิ่งถ้ากินอาหารอิ่มใหม่ๆ ระบบย่อยอาหาร หรือกระเพาะอาการมักต้องทำงานหนัก พลังของม้ามจะอ่อนเปลี้ย ความอยากนอนจึงมักเกิดได้ง่าย
(ทางแพทย์แผนปัจจุบันมองว่าขณะย่อยอาหาร เลือดจะไปเลี้ยงสมองน้อยลง ทำให้หนังท้องตึง หนังตาหย่อน) แต่สำหรับคนผอมก็มีสิทธิ์จะง่วงนอนผิดปกติได้เหมือนกัน ถ้าอยู่ในภาวะที่เจ็บไข้เรื้อรังหรือร่างกายอ่อนเพลีย ที่ทำให้การย่อยอาหารและการดูดซึมไม่ดี เป็นภาวะที่พลังทั่วร่างกายพร่อง เลือดก็จะไปเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้ง่วงนอนได้ง่าย ในฤดูฝนที่มีความชื้นมากก็จะทำให้การทำงานของระบบย่อย (กระเพาะอาหารและม้าม) ยิ่งหนักขึ้น อาการก็จะเป็นมากขึ้น |
สาเหตุของการง่วงนอนผิดปกติและอาการแสดง
|
1. พวกที่มีความชื้นสะสมในร่างกายมาก
พวกนี้จะรู้สึกหนักๆ ศรีษะเหมือนมีอะไรมาห่อปกคลุมไว้ หรือจะรู้สึกว่าร่างกายหนักๆ ตึงๆ นอกจากนี้ยังรู้สึกแน่ในทรวงอก, เบื่ออาหาร, คลื่นไส้ ( เพราะมีเสมหะอุดกั้น) ถ่ายเหลว |
ตรวจดูลิ้นจะซีด มีฝ้าบนลิ้นเป็นมันเคลือบ ชีพจรจะช้าและเปลี่ยน (เบา – ลอย และขนาดเล็ก)
อาการมักจะกำเริบในฤดูฝนและมักเป็นคนที่มีลักษณะอ้วนหลังจากกินอาหารแล้วจะรู้สึกเหนื่อยอยากจะหลับ ทำให้ขี้เกียจไม่อยากจะพูดจา บางรายจะมีเหงื่อออกตามตัวง่าย แขนขาจะเย็น
(เพราะการย่อยและดูดซึมอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ไม่พอ)
การที่มีความชื้นสะสมในร่างกายมาก จะส่งผลต่อพลังงานของม้ามพร่อง พลังหยาง (พลังความร้อน) ของร่างกายลดน้อยลงไปด้วย
หลักการรักษา คือ ขับความชื้นและบำรุงม้าม
|
2. พวกที่พลังม้ามพร่องเป็นเหตุ
อาการคล้ายคลึงกับประเภทแรก กล่าว คือ ไม่สดชื่น, ง่วงนอน, ไม่อยากพูด, แขนขาเย็น, หน้าตาเหลือง, กินน้อย, อุจจาระเหลว, ลิ้นมักจะอ้วนบวม มีฝ้าขาวบาง, ชีพจรจะอ่อนเพลียไม่มีกำลัง
หลักการปฏิบัติตัว
|
1. ไม่กินอาหารที่มัน หรือย่อยยาก หรืออาหารที่เย็น เพราะเท่ากับเป็นการเพิ่มความชื้น – เสมหะ ที่จะทำให้พลังของม้ามอ่อนแอยิ่งขึ้น ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ และย่อยง่าย หลีกเลี่ยงทุเรียน, กะทิ, ขนุน, นม ฯลฯ
|
2. ไม่ควรกินอาหารอิ่มจนเกินไปในแต่ละมื้อ ควรกินแต่พออิ่มและกินได้บ่อยๆ ควรกินอาหารเป็นเวลา มีกฎเกณฑ์ และเคี้ยว ให้อย่างละเอียด
|
3. หลักเลี่ยงการใช้แรงงานที่หักโหม รวมทั้งการใช้ความคิดมากจนเกินไป ควบคุมไม่ให้มีความเครียดวิตกกังวล เพราะจะทำ ให้รบกวนการย่อยอาหาร
|
4. อาหารต้องสะอาด ไม่มีการปนเปื้อน เพราะถ้ามีการติดเชื้อทางเดินอาหารจะยิ่งทำให้ระบบย่อยยิ่งสูญเสียพลังการย่อยและดูดซึม
|
5. คน ที่มีอายุมากหรือร่างกายเสื่อมถอย เจ็บไข้เรื้อรัง เบื่ออาหารจะระมัดระวังภาวะการทำงานของระบบม้าม เพราะระบบม้าม หรือการย่อยเป็นพื้นฐานของพลังของร่างกายที่เป็นตัวมาเสริมพลังของไตที่มี เป็นทุนสำรองมีมาแต่กำเนิด
|
6. ควรเสริมยาหรืออาหารบำรุงพลังของม้าม พลังหยางของร่างกาย เพื่อให้ระบบย่อยอาหารมีประสิทธิภาพ
|
สรุป : อาการง่วงนอนผิดปกตินอนไม่รู้จักพอเป็นภาวะที่สะท้อนถึงพลังการย่อยอาหารและดูดซึมอาหาร (ระบบม้ามบกพร่อง เนื่องจากหลายๆปัจจัย ทั้งจากพื้นฐานของร่างกายเดิมและการดำเนินชีวิตที่ผิดพลาด และการสะสมการเสื่อมโทรมของร่างกาย)
การแสดงออกของการง่วงนอนผิดปกติ เป็นเพียงอาการหนึ่งของภาวะพลังม้าม และพลังหยางของร่างกายพร่อง ยังมีอีกหลายอาการ เช่น เหงื่อออกมากผิดปกติ เบื่ออาหาร, มือเท้าเย็น, คลื่นไส้ อาเจียน, ไม่อยากพูด, ถ่ายเหลว ฯลฯ เมื่อรักษาที่ต้นเหตุอาการอื่นๆ ก็จะดีไปด้วยกัน การรักษา อาจใช้การฝังเข็ม และสมุนไพร ด้วยหลักการคือ การขับความชื้น – เสมหะ และเพิ่มกระตุ้นการทำงานของพลังม้าม และพลังหยางของร่างกาย ร่วมกับการปรับเปลี่ยนวิถีชิต, อารมณ์จิตใจ, ส่วนการกินอาหารต้องมีกฎเกณฑ์และเลือกอาหารให้ถูกต้อง มีศิลปะในการกิน และต้องกินให้ทะนุถนอมระบบการย่อยอาหารไปในขณะเดียวกัน การรักษาสุขภาพแบบแพทย์แผนจีนเป็นแบบองค์รวม บางครั้งไม่สามารถจะระบุความผิดปกติว่าเป็นโรคใดโรคหนึ่งล้วนๆ ความผิดปกติที่เกิดขึ้นมักเป็นความเสียดุลที่อวัยวะภายในและก่อให้เกิดอาการและโรคหลายโรค หรือเป็นกลุ่มอาการ
การรักษาด้วยการสร้างสมดุลให้เกิดขึ้น จะทำให้โรคหลายๆ โรคหรืออาการหลายๆ อาการ หายไปพร้อมๆกันได้
|
ที่มา : นิตยสารหมอชาวบ้าน เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2542 หน้าที่ 20-21
โดย : นพ. วิทวัส วัณนาวิบูล |
http://www.it-gateways.com/charoenvej/Accupuncture/sleepnotenough.htm

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น